ครู 5 คนข่มขืนนักเรียน – จากกรณีข่าวครู 5 คน กับศิษย์เก่า 2 รวม เว็บตรงฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ 7 คน ข่มขืนนักเรียนหญิงชั้น ม.2 และ ม.4 ในโรงเรียนแห่งหนึ่งของ จ.มุกดาหาร มานานนับปี พร้อมทั้งถ่ายคลิปขู่ว่าหากไม่ยอมจะให้ซ้ำชั้น ซึ่งต่อมามีผู้เสียหายอีกรายเป็นเด็ก ม.6 ต่อมามีครูหญิงรายหนึ่งที่อยู่โรงเรียนเดียวกันได้โพสต์ให้กำลังใจ 5 ครูหื่น จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์
โดยครูเจ้าของโพสต์ดังกล่าว
เผยว่า จากการที่ได้ร่วมงานกับน้องๆ ก็ชื่นชมและประทับใจในการทำงาน แต่ในส่วนที่เขาทำผิดจรรยาบรรณ ก็ไม่เห็นด้วย และรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในฐานะที่เป็นครูรุ่นพี่และได้เจอกับลูกเมียเขา ยังไงก็ต้องถูกโซเชียลและสังคมรุมประณาม ก็สมควรโดน แต่ก็อยากให้มองในส่วนของเพื่อน คนไทยด้วยกัน สิ่งที่เขาทำดีก็มี
และตัดสินใจโพสต์ก็รู้ว่าจะมีเสียงสะท้อน แต่ถ้าเมียเขามองว่าทุกคนมองเขาแย่หมดเลย แล้วคิดสั้นหรือเป็นอะไรไป เสียชีวิตไป มันคุ้มค่าไหม ในส่วนของนักเรียนก็เห็นใจมาก ก็ได้ออกไปเยี่ยมบ้านนักเรียน เห็นว่าสังคม ชุมชนเราก็ดูแลนักเรียนอยู่ แต่เรื่องมันเกิดแล้ว อยากให้มองว่าเราจะเยียวยาคนที่เหลืออยู่อย่างไร
อยากจะฝากว่า อย่างน้อยก็เปิดโอกาสให้คนที่อยู่ ญาติพี่น้องเขา ลูกเมียเขา ถ้าเขาไม่มีภูมิคุ้มกันหรือเขายังไม่มี ธรรมะ ไม่ได้เรียนรู้ธรรมชาติมากพอ มันรับไม่ได้ เขาร้องไห้ตลอด 3 วัน ทุกคนมีครอบครัวและลูกยังเด็กและเพิ่งคลอด
ต่อมาวันที่ 10 พ.ค. เฟซบุ๊กของทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าวว่า
“ครูผู้หญิงที่ออกมาให้กำลังใจ พวกครูและศิษย์ 7 คน ร่วมกันโทรมนักเรียนหญิง เรียกร้องให้เห็นใจ ครอบครัวครูทั้ง 5 อย่างไม่แคร์ความรู้สึกของคนฟัง เรื่องคดี ก็คงเป็นไปตามกระบวนการ ครูจะให้กำลังใจพวกครู ก็ไม่ผิด แต่ครูสวมหมวก 2 ใบ ใบที่ 1 ในฐานะเพื่อน/พี่ร่วมวิชาชีพ กับ ครูทั้ง 5
ส่วนอีกใบ ในฐานะครูอาจารย์ ที่สอนนักเรียกในโรงเรียนนั้น ในโรงเรียนนั้น มีแค่ครู 5 คนหรืออย่างไร ครับ ครูจะพูดอะไร ไม่คำนึงถึงจิตใจพ่อแม่ หรือครอบครัวผู้ถูกกระทำหรือไงครับ ที่สำคัญ ยังมีเด็กนักเรียนผู้หญิงในโรงเรียนอีกหลายคนที่คงกลัวและสะเทือนใจกับเรื่องราวระยำเหล่านี้
คุณก็เป็นผู้หญิง เป็นแม่คน ไม่คิดหรือว่า แนวความคิดแบบนี้ จะบั่นทอนความรู้สึกของเหยื่อ หรือ เด็กๆคนอื่น ครูไม่เหมาะที่จะสอนโรงเรียนนี้เลยครับ ถ้าผมเป็นผู้ปกครองของนักเรียนที่นี่ ผมจะให้ลูกย้ายโรงเรียน หรือไม่ก็ย้ายครูคนนี้ออกไป”
ผู้ตรวจสำนักนายกฯ เยี่ยมโรงงานหน้ากากซีพี – ส่ง จุฬาฯ แล้ว 1.3 ล้านชิ้น
เมื่อวานนี้ (9 พฤษภาคม) นายพีระ ทองโพธิ์ ในฐานะผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมชม โรงงานหน้ากากอนามัยฟรี เพื่อบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน ซึ่งมี บริษัท ซีพี โซเชียลอิมแพคท์ จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีการตรวจดูการผลิตและกระจายหน้ากากอนามัยของโรงงานดังกล่าว
นายพีระ ยังกล่าวชื่นชมเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ตัดสินสร้างโรงงานหน้ากากอนามัยฟรี เพื่อนำมาแจกจ่ายในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยจาก นายจอมกิตติ ศิริกุล กรรมการบริษัท ซีพี โซเชียลอิมแพคท์ จำกัด ด้วยว่า ได้ทำการมอบหน้ากากอนามัยให้แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สังกัดสภากาชาดไทย ไปเรียบร้อยแล้วเป็นจำนวนมากถึง 1.3 ล้านชิ้น ซึ่งต่อจากนี้ก็จะมีการแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลอื่นๆ อีก 98 แห่งทั่วประเทศ
ไอเดียดี ตู้ปันสุข แบ่งปันอาหาร คนเดือดร้อนหยิบฟรี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ทางเพจเฟซบุ๊กเพจ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ได้โพสต์ภาพ ตู้ปันสุข ซึ่งในตู้มีข้าวสาร อาหารแห้ง ที่ประชาชนซื้อมา ให้คนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถมาหยิบได้ฟรีๆ โดยระบุข้อความว่า
“ผบ.ร.ร.สธ.ทบ. มีดำริให้จัดทำโครงการ “เติมใจให้กัน” ให้กับคนในสังคมไทย เปี่ยมล้นด้วยความรัก ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันและกัน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ นอกจากอยากทำให้สังคมไทยน่าอยู่มากยิ่งๆ ขึ้น โดยตู้นี้วางไว้ที่บริเวณหน้าโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ท่านที่มีความประสงค์ต้องการสิ่งของสามารถหยิบได้เลยครับ #แจกฟรี #หยิบแต่พอทาน นะครับ”
สืบเนื่องจากโพสต์ที่เป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊กออกมาเตือนภัยว่าเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจลวนลาม-ขอจับอวัยวะเพศทั้งๆ ที่ตนมาจ่ายค่าปรับที่ สถานีตำรวจภูธรสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
ล่าสุด วันที่ 12 พฤษภาคม พล.ต.ต. สมนึก มิควาฬ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำการสั่งย้ายตำรวจคนดังกล่าวมาประจำที่ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยได้มีการสอบปากคำ ร.ต.ท. อุทิศ พรประสงค์ ผู้กระทำความผิดดังกล่าวแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุได้มีการดื่มสุราที่บ้านของตน แต่ปรากฏว่ามีเพื่อนมาขอให้ช่วยเข้าเวรแทน จึงเผลอกระทำการโดย “ไม่รู้ตัว” หลังจากนี้ทางตำรวจจะมีการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมหลักฐาน โดยเบื้องต้น ร.ต.ท. อุทิศ จะโดนข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุก 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท รวมถึงหากศาลตัดสินว่ามีความจริงผิดจะต้องถูกไล่ออกจากราชการ สล็อตเว็บตรง , ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ เว็บตรง